2552-10-07

ระบบน้ำที่ดีภายในบ้าน


น้ำ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อมนุษย์เรา มีความสำคัญรองลงมาจากอากาศที่เราหายใจเข้าไป แน่นอนว่าในบ้านเรือนทุกหลังจะต้องมีน้ำสะอาดสำหรับไว้ใช้อุปโภคบริโภค ในปัจจุบันนี้น้ำกินน้ำใช้ในครัวเรือนช่างแสนสะดวกสบายกันเสียจริงๆ เพียงเปิดก๊อกก็มีน้ำสะอาดออกมาให้เราใช้สอยได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่เราจะเปิดก๊อกและมีน้ำใช้อย่างสบายในทุกวันนี้ น้ำดิบที่นำมาผลิตเป็นน้ำดีหรือน้ำประปานั้น ต้องผ่านขบวนการบำบัดหลายขั้นตอน และต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการนี้เป็นจำนวนไม่น้อย เพื่อให้ได้น้ำดีที่ใสสะอาด ปลอดภัยในการบริโภคต่อสาธารณะชน ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นผู้บริโภคคนหนึ่ง เราควรตระหนักและใช้น้ำอย่างระมัดระวัง ไม่ให้สูญเสียหรือใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง ระบบท่อน้ำประปาที่ใช้ในครัวเรือนท่อน้ำที่ใช้ในการเดินท่อ และจ่ายไปตามจุดต่างๆ ที่นิยมใช้มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ ท่อพีวีซี (P.V.C) และท่อเหล็กชุบสังกะสี (GALVANIZE STEEL PIPE) วัสดุทั้ง 2 ชนิดมีคุณสมบัติที่ต่างกัน สามารถเปรียบเทียบข้อดี ข้อด้อย ได้ดังนี้ท่อพีวีซี สำหรับเดินท่อน้ำดื่มนั้นจะเป็นสีฟ้าเท่านั้น โดยท่อดังกล่าวจะใช้ท่อที่มีชั้นความหนา 13.5 หรือ CLASS 13.5 เท่านั้น เพื่อความแข็งแรงในการใช้งาน (โดยปกติท่อพีวีซี - สีฟ้า จะมีอยู่ 2 ชั้นความหนา นั่นคือ 8.5 และ 13.5) ข้อดี - ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย มีน้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม การติดตั้งสะดวกและรวดเร็ว เพราะตัดต่อง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษอะไร ถ้างานเล็กน้อยก็สามารถติดตั้งด้วยตนเองได้ เนื่องจากการติดตั้งง่ายและรวดเร็ว จึงช่วยประหยัดค่าแรงงานในการเดินท่อได้มาก ข้อด้อย - แตกหักเสียหายง่าย ไม่เหมาะสมที่จะใช้งานภายนอก โดยเฉพาะที่โล่งแจ้ง หรือไม่มีสิ่งปกคลุมอยู่ เพราะถ้าโดนแดดส่องแสงมากๆ อาจเปราะแตกหัก และทำให้น้ำรั่วได้ ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมที่จะใช้เดินลอบภายนอกอาคารท่อเหล็กชุบสังกะสี (GALVANIZE STEEL PIPE) ข้อดี - มีความแข็งแรง ทนทาน ทนแรงดันน้ำได้สูง ติดตั้งได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร ข้อด้อย - เป็นสนิมได้ง่าย อาจทำให้ท่อตีบและอุดตันภายใน หรือท่อเป็นสนิมมากจนทำให้น้ำรั่วได้ ท่อเหล็กมีราคาสูง และยุ่งยากในการติดตั้ง เพราะต้องใช้เครื่องมือในการติดตั้งโดยเฉพาะการเดินท่อน้ำดีทั้งภายนอก และภายในอาคารต่างๆ นั้นมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นหลัก คือ ปริมาณการจ่ายน้ำให้พอเพียงกับความต้องการ ดังเช่น ถ้าเป็นบ้านพักอาศัย สมมุติว่าเป็นบ้าน 2 ชั้น ขนาดกลางๆ ทั่วไป และมีน้ำประปาของการประปาไหลแรงพอสมควร แบบนี้เราก็สามารถต่อเข้าไปจ่ายในบ้านได้โดยตรง แต่ถ้าน้ำประปาไหลอ่อน การจ่ายน้ำเข้าใช้ในบ้านโดยตรงคงไม่ได้ แบบนี้จึงต้องการถังเก็บกักน้ำก่อน โดยจะใช้เป็นหอสูงด้วยการสูบน้ำขึ้นไปเก็บไว้ หรือจะเป็นถังพักน้ำที่อยู่บนดิน หรือฝังไว้ใต้ดิน ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องใช้ป๊มน้ำอัตโนมัติในการควบคุมและจ่ายน้ำตลอดเวลาได้ เมื่อมีการเปิดก๊อกน้ำ สำหรับขนาดท่อที่เหมาะสมนั้น ท่อเมนน้ำดี ส่วนใหญ่ที่จ่ายสู่ห้องน้ำ 1-2 ห้องน้ำ ใช้ท่อขนาด ? นิ้ว ก็เพียงพอแล้ว และเมื่อจะแยกจ่ายไปอุปกรณ์สุขภัณฑ์จุดต่างๆ ก็ให้ลดขนาดเหลือ ? นิ้ว สำหรับท่อที่ต้องใช้ปั๊มน้ำ ก็ต้องดูตามขนาดของปั๊มน้ำเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่ท่อที่จ่ายน้ำออกจากปั๊มจะมีขนาด ?-1 นิ้ว ดังนั้นท่อที่ปั๊มมีขนาดเท่าไร ก็จ่ายท่อเมนไปขนาดนั้นไปก่อน จากนั้นเมื่อแยกจ่ายไปส่วนอื่นๆ จึงค่อยลดขนาดลงไปตามส่วนตามที่กล่าวในเบื้องต้นการเลือกท่อชนิดใดมาใช้งาน ควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน และจุดมุ่งหมายของการใช้งาน โดยเป็นไปตามความต้องการ เช่น ในเรื่องความคงทน ความสะดวกในการติดตั้ง ระยะเวลา งบประมาณ และความจำเป็นในการใช้งาน ถ้าเราเลือกใช้วัสดุได้ถูกต้องเหมาะสมตามจุดประสงค์แล้ว ก็จะทำให้เราสามารถประหยัดเงินและเวลา อีกทั้งภายหลังก็จะใช้สอยน้ำได้ดีได้อย่างสมบูรณ์ได้เป็นเวลานาน โดยไม่ต้องซ่อมแซมให้ลำบากในภายหลังก่อนที่เราจะเปิดก๊อก และมีน้ำใช้อย่างสบายในทุกวันนี้ น้ำดิบที่นำมาผลิตเป็นน้ำดี หรือน้ำประปานั้นต้องผ่านขบวนการบำบัดหลายขั้นตอน และต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการนี้เป็นจำนวนไม่น้อย เพื่อให้ได้น้ำดีที่ใสสะอาด ปลอดภัยในการบริโภค ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นผู้บริโภคคนหนึ่งเราควรตระหนัก และใช้น้ำอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการสูญเสีย หรือมีการใช้น้ำกันอย่างสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ ร่วมกันใช้น้ำอย่างมีคุณค่ากันดีกว่า เพราะน้ำเองเป็นทรัพยากรที่มีค่าอันควรใช้ให้เหมาะสมเพื่อให้เราได้มีน้ำใสสะอาดใช้ได้ยาวนานตลอดไป

สีสันกับการตกแต่งบ้าน


การเลือกสีในการตกแต่งบ้านเป็นเรื่องสำคัญนะคะ ท่านที่กำลังมีปัญหาในการเลือกสีเพื่อตกแต่งบ้าน ลองมาดู 108 ฉบับนี้กันค่ะ เพราะนำเรื่องสันสันกับการตกแต่งบ้านมาให้ได้ทราบกัน ค่าธรรมเนียมของการใช้สีเพื่อตกแต่งบ้านข้อหนึ่งบอกไว้ว่า ห้องขนาดเล็กๆ ซึ่งมีพื้นที่จำกัดและอับทึบ ควรจะตกแต่งด้วยสีอ่อนๆ เพื่อคลายบรรยากาศที่อึดอัด และช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น นอกจากนี้ยังนำสีกลาง (ขาว ดำ เทา) มาใช้ตกแต่งบริเวณโถงทางเดินภายในบ้านอีกด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะใช้สีสดๆ มาตกแต่งห้องแคบไม่ได้เอาเสียเลย เพียงแต่ท่านจะต้องเข้าใจและยอมรับถึงข้อจำกัดของมัน โดยการเพิ่มเติมความสุกใส แวววาวของสีสันมาชดเชยจุดด้อย คือ ความคับแคบของห้อง หากเป็นคนที่ชอบความสว่างจากแสงธรรมชาติ การใช้สีโทนเย็นจะให้ความรู้สึกที่โปร่งเย็นและบรรยากาศที่กว้างขวาง ม่านอาจจะเลือกใช้สีจำพวก พาสเทล (Pastell) อย่าง สีชมพูอ่อน เขียวอ่อน เหลืองอ่อน หรือพาวเดอร์บลู (Powder Blue) ก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีที่ลดค่าความสดลง โดยการผสมสีขาวหรือจะใช้สีกลางในเฉดที่มีเสน่ห์แตกต่างออกไปจากเดิม เช่น สีเทา ในเฉดสีควันบุหรี่ หรือ สีเทาอมม่วง เป็นต้น อีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนการเลือกใช้สีอยู่เสมอคือ เรื่องพื้นผิวของวัสดุที่ใช้ตกแต่งบ้าน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไม่ต้องการแสงสะท้อนภายในบ้าน ควรเลือกสีทาภายในและวัสดุตกแต่งที่มีคุณสมบัติดูดกลืนแสง อย่างสีอิมัลชั่น และผ้าม่านที่ทำจากผ้าคอตตอน แต่ถ้าต้องการความโออ่า หรูหรา ควรเลือกใช้สีที่ให้ความมันวาวอย่างสีมุก ควบคู่กับวัสดุตกแต่งบ้านที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นหินอ่อนขัดมัน และผ้าที่มีเนื้อเป็นมันเงา อย่างผ้าซาติน ฯลฯ ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าการใช้สีตกแต่งบ้านจะจำกัดอยู่แค่เพียงสีผนังเท่านั้น เนื่องจากทุกๆ ส่วนของบ้านล้วนเกี่ยวพันกับสีทั้งสิ้น มันอาจแฝงมากับพรมปูพื้นราคาแพง ภาพวาดประดับผนัง เครื่องด้วยชามเซริก หรือแม้แต่สีของตู้เย็นในห้องครัว ฯลฯ
อ้างอิง http://www.chonburi108.com

เทคนิคซ่อมแซมบ้าน...ที่คุณก็ทำได้


การซ่อมผนังฉาบปูนที่แตกร้าวผนังฉาบปูนที่แตกร้าว มักเกิดขึ้นภายหลังการก่อสร้างเสมอ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากคานไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ซึ่งทำให้คานหย่อนลงมา แล้วกดผนังก่ออิฐให้แตกร้าว, อาจเกิดจากส่วนผสมของปูนไม่สม่ำเสมอ, ปูนฉาบหนาไม่พอ, วัสดุสร้างเสื่อมคุณภาพ หรือการปล่อยให้ปูนสูญเสียน้ำหลังจากการฉาบ เป็นต้น วิธีแก้ไขทำได้โดย1. ให้สกัดผิวที่ร้าว กว้างอย่างน้อย ½ นิ้ว โดยให้ลึกถึงผิวอิฐ2. หลังจากนั้นทำความสะอาดรอยสกัด แล้วราดน้ำให้ชุ่ม3. ฉาบปูนทราย แล้วแต่งผิวให้เรียบ หากผนังมีน้ำซึมควรใช้วัสดุกันซึม เช่น น้ำยาอีพ็อกซี เป็นต้น4. ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วทำการทาสีเพื่อปกปิดรอยการซ่อมการซ่อมพื้นคอนกรีตที่แตกร้าวมักพบอยู่เสมอสำหรับบ้านพักอาศัย หรือสำนักงานที่เทพื้นคอนกรีต ลักษณะการแตกคือ จะเป็นเส้นเล็กๆ คล้ายตาข่ายแบบสังคโลก ลักษณะเช่นนี้ไม่ทำให้พื้นเสียกำลังแต่จะทำให้ความสวยงามลดลง ส่วนรอยร้าวที่ลึกลงไปจากผิวมากนั้น ควรให้ความสนใจอย่างมากว่าเกี่ยวข้องกับส่วนโครงสร้างที่รับกำลังหรือไม่ เพราะจะทำให้เกิดการยุบพังลงได้ รอยแตกที่ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนที่เป็นโครงสร้างของอาคารนั้น เราสามารถซอ่มกันเองได้วิธีแก้ไขทำได้โดย1. ให้สกัดตามรอยร้าวลึกเข้าไปจากรอยเส้นประมาณ 1-2 นิ้ว2. จากนั้นปัดฝุ่นที่สกัดออกให้หมด แล้วราดน้ำให้ชุ่ม ทิ้งผิวให้แห้ง3. ผสมปูนทราย อัตราส่วน 1 ต่อ 2 โดย ปูน 1 ส่วน ทราย 2 ส่วน ให้เข้ากันทิ้งไว้ให้หมด4. ฉาบปูนที่รอยแตก แต่ถ้ารอยแตกเป็นเส้นใหญ่ให้ใช้ปูนทราย5. สุดท้ายแต่งผิวให้เรียบ ทิ้งไว้ให้แห้งการซ่อมพื้นปาร์เก้โมเสดไม้ส่วนใหญ่เกิดน้ำท่วมขึ้น จะทำให้ปาร์เก้หลุดร่อนเกิดความเสียหาย บางครั้งอาจจะหลุดร่อนทั้งพื้น หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ควรให้ช่างมาตีราคาเพื่อซ่อม ไม่ควรคิดจะซ่อมเอง แต่หากเกิดการหลุดร่อนแค่ไม่กี่ชิ้นเราก็พอจะซ่อมแซมเองได้วิธีการซ่อมแซม ให้ทำดังนี้ 1. ให้สำรวจว่าใช้ปาร์เก้ไม้ชนิดใด เช่น ไม้แดง ไม้สัก ไม้มะค่า หรือไม้เนื้อแข็งธรรมดา จัดซื้อใหม่ตามร้านรับปูปาร์เก้2. เตรียมชิ้นไม้ให้แห้ง ซื้อกาวลาเท็กซ์หรือหากาวติดไม้มาใช้3. เตรียมพื้นสำหรับการติดกาว โดยใช้สกัดปากแบนหรือไขควงเก่าๆ ขูดเอาเศษกาวเก่าออกให้หมด ปัดฝุ่นให้สะอาด4. ทากาวลาเท็กซ์ที่เตรียมไว้ ป้ายให้หนาประมาณ 1-2 มิลลิมเตร นำชิ้นไม้ที่หลุดมานั้นสอดไว้ที่เดิม ค่อยๆ กด และเคาะเบาๆ โดยต้องรักษาระดับผิวของไม้ให้เท่าเดิม5. จากนั้นทิ้งไว้ให้กาวแห้งสนิท อย่างน้อย 15 วัน6. นำกระดาษทรายเบอร์ 0 ที่ละเอียดมาขัดตามรอยต่อ ให้ชิ้นไม้เสมอกัน นำน้ำมันวานิชผสมทินเนอร์ทาบางๆ 2-3 ครัง จนกระทั่งได้ระดับแล้วขัดด้วยกระดาษทรายอีกครั้งจนเรียบ7. นำดินสอพองผสานแชลแลคตามสีที่ย้อมให้เหมือนกับของเดิม อุดเสี้ยนพอแห้ง แล้วขัดกระดาษทรายอีกครั้ง ทาแชลแลคสีเดิม ย้อมผิวก่อน เอากระดาษทรายลูบแล้วจึงผสมน้ำมันเคลือบผิวไม้กับทินเนอร์ให้ใส...เป็นอันเสร็จเป็นไงคะ วิธีการซ่อมแซมบ้านแบบที่เรานำเสนอ คงไม่ยากจนเหลือบ่ากว่าแรงของคุณที่จะลงมือทำกันนะคะ ดีกว่าเสียเงินเสียทองจ้างช่างมาซ่อมแซมให้เรานะคะ ประหยัดและสนุกอีกด้วยค่ะ


อ้างอิง http://www.chonburi108.com/